พลังความร้อนร่วม (CHP) หรือที่เรียกว่าโคเจนเนอเรชั่น เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าและพลังงานความร้อนพร้อมกันจากแหล่งเชื้อเพลิงเดียว ระบบ CHP สามารถทำงานได้ด้วยการใช้แหล่งเชื้อเพลิงต่าง ๆ รวมถึงก๊าซธรรมชาติ ชีวมวล ถ่านหิน และความร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม ไฟฟ้าและความร้อนที่สร้างขึ้นสามารถนำไปใช้ในไซต์งานได้ ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริดและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ดีขึ้น
พลังความร้อนร่วม มีการทำงานพื้นฐานอย่างไร
หลักการการทำงานพื้นฐานของ CHP คือความร้อน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้า จะถูกดักจับและนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การทำความร้อนในอวกาศ การทำน้ำร้อนในบ้าน หรือกระบวนการทางอุตสาหกรรม ด้วยการใช้ความร้อนที่อาจสูญเสียไป ระบบ CHP สามารถบรรลุระดับประสิทธิภาพสูงถึง 90% เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพเฉลี่ยประมาณ 50% สำหรับการผลิตไฟฟ้าแบบเดิม
การใช้ระบบ CHP มีประโยชน์หลายประการ
มาทำความรู้จักกับข้อดีของการใช้ระบบ พลังความร้อนร่วม กันดีกว่า สิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในด้านของการสร้างพลังงานอย่างไร
- ระบบ CHP มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมาก เพราะมีการผลิตไฟฟ้าและความร้อนในเวลาเดียวกัน
- ระบบ CHP สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับปรุงคุณภาพอากาศ จากการลดปริมาณเชื้อเพลิงที่จำเป็นในการผลิตพลังงาน
- ระบบ CHP สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของการจ่ายพลังงาน พลังความร้อนร่วม ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริด และทำให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ที่สำคัญ ๆ จะยังสามารถทำงานได้ต่อไปในช่วงที่ไฟฟ้าดับ
ในอนาคต ระบบ CHP คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระบบ CHP ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุดได้ นอกจากนี้การพัฒนาระบบ micro-CHP ยังทำให้ครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กสามารถผลิตไฟฟ้าและความร้อนได้เอง ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริด และส่งเสริมความเป็นอิสระด้านพลังงาน
โดยรวมแล้ว การใช้ระบบ CHP พลังความร้อนร่วม ให้ประโยชน์แก่มนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมมากมาย รวมถึงยังมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น มีการใช้ต้นทุนด้านพลังงานที่ลดลง และนำเสนอประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากขึ้นของระบบพลังงานในอนาคต แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการจำกัดในเรื่องของพื้นที่ติดตั้ง และปัจจัยรายละเอียดอื่น ๆ ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาในส่วนนี้ต่อไป เพื่อที่จะทำให้เป็นการกระจายการใช้พลังงานในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วโลกได้อย่างก้าวไกลมากยิ่งขึ้น